ไข้เลือดออก (DENGUE FEVER) ภัยร้ายจากยุงลายNew!!
ไข้เลือดออก (Dengue fever) โรคอันตรายที่มากับยุงลาย ป้องกันได้ รู้เท่าทัน ปลอดภัยกว่า โรคไข้เลือดออกคืออะไร? ไข้เลือดออก (Dengue Fever) เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเดงกี (Dengue virus) ซึ่งมีทั้งหมด 4 สายพันธุ์ ได้แก่ DENV-1, DENV-2, DENV-3 และ DENV-4 โดยมียุงลายเพศเมียเป็นพาหะนำโรค ผู้ที่ติดเชื้ออาจไม่มีอาการใด ๆ หรือมีตั้งแต่อาการเล็กน้อยจนถึงอาการรุนแรงที่อาจนำไปสู่ภาวะช็อกและเสียชีวิตได้ อาการของไข้เลือดออก หลังจากถูกยุงลายที่มีเชื้อกัด จะใช้เวลาฟักตัวประมาณ 4–10 วันก่อนแสดงอาการ ซึ่งสามารถแบ่งอาการของโรคออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะไข้สูง (Febrile phase) ผู้ป่วยจะมีไข้สูงเฉียบพลัน 39–40 องศาเซลเซียส ต่อเนื่อง 2–7 วัน โดยมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ระยะวิกฤต (Critical phase) ระยะนี้เกิดหลังจากไข้ลดลง ซึ่งอาจทำให้ผู้ป่วยชะล่าใจ แต่จริงๆ แล้วอาจมีภาวะรั่วของพลาสมาออกนอกหลอดเลือด ทำให้เลือดข้น […]
อาการไข้หวัด และภูมิแพ้ ต่างกันอย่างไร?
ไข้หวัดและภูมิแพ้ อาจมีอาการคล้ายกัน แต่สาเหตุและวิธีรักษาแตกต่างกันอย่างชัดเจน มาดูกันว่าต่างกันอย่างไร! ไข้หวัด เกิดจากการติดเชื้อไวรัส
มักพบช่วงอากาศเปลี่ยนแปลง ติดต่อผ่านน้ำมูก น้ำลาย และเสมหะ อาการรุนแรงไม่มาก และหายเองได้ภายในไม่กี่วัน อาการไข้หวัด : ภูมิแพ้
เกิดจากการตอบสนองต่อสารก่อภูมิแพ้ เช่น ไรฝุ่น มลพิษ PM2.5 เกสรดอกไม้ โรคนี้ไม่ติดต่อระหว่างคน แต่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ อาการภูมิแพ้ : อาการที่คล้ายกัน
วิธีดูแลสุขภาพเพื่อลดความเสี่ยง
วิธีรักษาไข้หวัด & ภูมิแพ้อากาศ
รักษาไข้หวัด
ถ้ามีไข้สูงต่อเนื่องหลายวัน ควรพบแพทย์
รักษาภูมิแพ้
อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย อย่าลืมดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะ
แหล่งอ้างอิงจาก : ปรึกษาเภสัชกรฟรี!
โรคฮีทสโตรก (Heat stroke) อากาศร้อนต้องระวัง!
รู้หรือไม่ Heat stroke คือโรคอะไร ? ฮีทสโตรก (Heat stroke) หรือโรคลมแดด เป็นภาวะที่ร่างกายมีอุณหภูมิสูงเกินไป โดยเฉพาะเมื่ออุณหภูมิร่างกายสูงถึง 40°C หรือมากกว่า มักเกิดขึ้นในช่วงฤดูร้อน และอาจเป็นอันตรายต่ออวัยวะสำคัญ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง พิการ หรือเสียชีวิตได้ สัญญาณเตือน และอาการของโรคฮีทสโตรก เคล็ดลับป้องกันตัวเอง ช่วงหน้าร้อน ดื่มน้ำบ่อยครั้ง หน้าร้อนทำให้ร่างกายเสียน้ำเร็ว ควรดื่มน้ำบ่อย ๆ หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และคาเฟอีน เพราะอาจทำให้ร่างกายขาดน้ำมากขึ้น สวมเสื้อผ้าที่ระบายความร้อนได้ดี เลือกเสื้อผ้าหลวม ๆ สีอ่อน น้ำหนักเบา และไม่หนาเกินไป เพื่อลดการสะสมความร้อน หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดดเป็นเวลานาน หากอุณหภูมิสูงเกิน 40°C ควรหลบในที่ร่ม หรือใช้พัดลมพกพาและแอร์ช่วยคลายร้อน งดออกกำลังกายหนัก เลือกออกกำลังกายในที่ร่ม เช่น ฟิตเนสที่มีเครื่องปรับอากาศ หรือสวนสาธารณะที่มีร่มเงา ควรออกกำลังกายในช่วงเช้าหรือเย็นแทน ป้องกันผิวจากแสงแดด ทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 15 ขึ้นไป สวมหมวก หรือแว่นกันแดด เพื่อป้องกันการเผชิญกับแสงแดดที่เป็นอันตรายผิว […]
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STDs) ทุกเพศควรรู้ !
รู้หรือไม่ STDs คือโรคอะไร ? โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ STDs (Sexually Transmitted Diseases) หรือการติดเชื้อจากเพศสัมพันธ์ STIs (Sexually Transmitted infections) เป็นการติดเชื้อจำพวก ไวรัส แบคทีเรีย และปรสิต เชื้อสามารถส่งต่อจากคนสู่คนผ่านเลือด น้ำอสุจิ อวัยวะเพศ และของเหลวในร่างกาย ซึ่งมักส่งต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ แต่นอกเหนือจากเพศสัมพันธ์แล้ว โรค STDs ยังสามารถส่งต่อจากคนสู่คนด้วยการใช้เข็มร่วมกัน การให้เลือด แม้กระทั่งจากแม่สู่ลูกในขณะตั้งครรภ์ หรือขณะคลอดบุตรได้ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STDs) มีโรคอะไรบ้าง ? หนองใน (Gonorrhea) หนองในเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย สามารถรับเชื้อได้ผ่านทางอวัยวะเพศ ทวารหนักและปาก ผู้ที่ติดเชื้อเพศชายมักมีอาการปวดแสบเมื่อปัสสาวะ ในขณะที่เพศหญิงมักมีอาการเดียวกันแต่ไม่รุนแรงเท่าเพศชาย ผู้ป่วยโรคหนองบางรายแม้จะติดเชื้อแต่ก็ไม่แสดงอาการ และโรคนี้สามารถส่งต่อเชื้อแบคทีเรียไปยังทารกระหว่างการคลอดบุตรได้ หนองในเทียม (Chlamydia) หนองในเทียมเกิดจากการติดเชื้อคลามัยเดีย (Chlamydia trachomatis) อาการใกล้เคียงกับโรคหนองในสามารถติดต่อได้ทั้งชายและหญิง ผ่านทางช่องคลอดและทวารหนัก ในเพศหญิงสามารถส่งต่อเชื้อไวรัสไปยังทารกได้ระหว่างการคลอดบุตร เริมที่อวัยวะเพศ (Genital herpes) โรคเริมเป็นผิวหนัง […]
แก้อาการ Office Syndrome แบบเร่งด่วน!
ออฟฟิศซินโดรม คืออะไร ออฟฟิศซินโดรม (office syndrome) คือ กลุ่มอาการปวดกล้ามเนื้อและเยื่อพังผืด รวมถึงอาการปวดหรือชาจากอาการอักเสบจากเนื้อเยื่อและเอ็น มักเกิดขึ้นกับกลุ่มวัยทำงานที่ต้องนั่งทำงานในออฟฟิศหรือทำงานโดยใช้คอมพิวเตอร์และมือถือเป็นประจำ อาการออฟฟิศซินโดรม ที่พบได้บ่อยดังนี้ วิธีแก้ออฟฟิศซินโดรมที่ได้ผลในระยะสั้น มักจะเป็นการรักษาหรือการทำท่าบริหารร่างกายอย่างง่าย ช่วยให้อาการทุเลา ไม่เป็นหนักขึ้น มักจะใช้ในการลดอาการปวดกล้ามเนื้อคอ บ่า สะบัก หน้าอก ไหล่ แขน และหน้าท้อง ได้แก่ แหล่งอ้างอิงจาก : ปรึกษาเภสัชกรฟรี!
8 ขั้นตอนล้างจมูกให้ถูกวิธี
8 ขั้นตอนล้างจมูกให้ถูกวิธี อุปกรณ์ที่ใช้ในการล้างจมูก ขั้นตอนการล้างจมูก ดังนี้ ข้อควรระวังเมื่อล้างจมูก การล้างจมูกด้วยน้ำเกลือเป็นการชำระล้างสิ่งสกปรกที่อยู่ภายในจมูกออกไป ช่วยลดจำนวนเชื้อโรค ของเสีย และสารก่อภูมิแพ้ สามารถทำได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ และสามารถล้างได้บ่อยๆ เมื่อมีอาการคัดจมูก หรือวันละ 2 – 3 ครั้ง โดยไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด ปรึกษาเภสัชกรฟรี!
4 อาหาร สำหรับกรดไหลย้อน
1.อาหารไขมันต่ำ เนื่องจากเป็นอาหารที่กระเพาะสามารถย่อยและดูดซึมได้ง่าย ลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ระคายเคืองกระเพาะหลังรับประทานอาหาร เช่น เนื้อปลา ไก่ ไข่ น้ำเต้าหู้ นมไขมันต่ำ 2.อาหารไฟเบอร์สูง ช่วยปรับสมดุลระบบทางเดินอาหาร เพิ่มกากใย ช่วยในการขับถ่าย เช่น ธัญพืช ข้าวโอ๊ต ผัก และผลไม้ ควรเป็นผลไม้ที่ไม่มีกรดมาก อย่างเช่น กล้วย แตงโม แคนตาลูป แอปเปิ้ล พีช ลูกแพร์ อะโวคาโด 3.น้ำขิง เป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ร้อน ช่วยขับลมในท้อง นอกจากนี้ยังช่วยย่อยและกระตุ้นการทำงานของระบบลำไส้ ลดอาการท้องอืด ลดกรดหรือแก๊สในกระเพาะที่มีมากเกิน 4.ไขมันดี คนที่เป็นกรดไหลย้อนไม่ควรทานไขมัน แต่จะแนะนำเป็นไขมันที่ทานได้ไม่ทำให้ระคายกระเพาะ ย่อยง่ายเช่น อะโวคาโด แฟกซ์ซีด น้ำมันมะกอก น้ำมันงา นอกจากอาหารที่คนเป็นกรดไหลย้อนต้องเลือกกินแล้ว ยังมีอาหารและพฤติกรรมที่ต้องลด เช่น ของทอดของมัน เครื่องแอลกอฮอลล์ การสูบบุหรี่ รวมถึงความเครียดสะสม การนอนหลังทานอาหารและการพักผ่อนไม่เพียงพอ เป็นต้น
5 นิสัยทำลายสมอง
5 นิสัยทำลายสมอง 1.การทานอาหารรสจัดและอาหารแปรรูปบ่อยๆ เนื่องจากอาหารเหล่านี้มีน้ำตาม โซเดียม ไขมันสูง ทำให้อาจเกิดโรคหลอดเลือดในสมองหากทานบ่อยๆ และยังทำให้เนื้อเยื่อสมองเสื่อมด้วย 2.นอนดึกและพักผ่อนน้อย การนอนดึก ทำให้สมองไม่ได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ ส่งผลให้เซลล์สมองตายลงเรื่อยๆ 3.สูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอลล์บ่อยๆ การสูบบุหรี่ส่งผลให้สมองตีบตัน และการดื่มแอลกอฮอลล์บ่อยๆในระยะยาวสมองจะเสื่อมลง ความจำเลอะเลือน 5.ทานของหวานบ่อยๆ นอกจากไขมันยังมีน้ำตาลที่เป็นปัจจัยในการขัดขวางการดูดซึมของโปรตีนและสารอาหารที่เป็นประโยนช์ เพื่อนำไปเลี้ยงสมอง 4.เครียดสะสมเป็นเวลานานๆ การเครียดสะสมเป็นเวลานานๆ ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองได้ช้าลง มีอาการมึน งง เบลอ ปรึกษาเภสัชกรฟรี!